วันเสาร์ที่ 7 เมษายน พ.ศ. 2555

ข้อมูลและชนิดของข้อมูล


ข้อมูล (Data)  คือข้อเท็จจริงหรือเหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องกับสิ่งต่างๆ เช่น คน สัตว์สิ่งของ สถานที่ ฯลฯ ที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องสามารถนำไปประมวลผลด้วยคอมพิวเตอร์ได้มีการรวบรวมข้อมูลอย่างเป็นระบบและตลอดเวลาที่จะให้ได้ข้อมูลอย่างรวดเร็วเมื่อสถานการณ์หรือเหตุการณ์บางอย่างผันแปรขึ้นการเตรียมการหรือการแก้สถานการณ์จะดำเนินการได้อย่างทันท่วงที
กรรมวิธีการรวบรวมข้อมูลเป็นจุดเริ่มต้นของการดำเนินงานการรวบรวมข้อมูลที่ดีจะได้ข้อมูลรวดเร็วถูกต้องแม่นยำ ครบถ้วนดังนั้นผู้ดำเนินการจะต้องให้ความสำคัญที่จุดนี้โดยเฉพาะความรวดเร็วความรวดเร็วของการเก็บข้อมูลจึงผูกพันกับเทคโนโลยีซึ่งมีหลายวิธี เช่นการใช้ไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์การเชื่อมต่อกับระบบปลายทางเพื่อรับข้อมูลการใช้โทรสารการใช้ระบบอ่านข้อมูลอัตโนมัติ เช่น เครื่องกราดตรวจ (Scanner) อ่านข้อมูลที่เป็นรหัสแท่ง (barcode)
             ชนิดของข้อมูล ข้อมูลที่คอมพิวเตอร์สามารถเก็บบันทึกได้นั้นอาจจำแนกได้หลายรูปแบบที่สำคัญๆ ได้แก่
             1.ข้อมูลที่เป็นตัวอักขระหรือข้อความ (character data หรือ text)  ข้อมูลที่เป็นตัวอักขระหรือข้อความหรือ เป็นข้อมูลที่อาจเป็นตัวอักษร ตัวเลขและสัญลักษณ์ โดยข้อมูลที่เป็นตัวเลขจะไม่สามารถนำไปคำนวณได้แต่สามารถนำไปจัดเรียงตามลำดับตัวอักขระ เปลี่ยนแปลงแก้ไขได้และเปรียบเทียบได้ว่าเหมือนกับข้อมูลอื่นหรือไม่
             2.ข้อมูลเชิงจำนวน (numerical data)  มีลักษณะเป็นตัวเลขซึ่งคอมพิวเตอร์สามารถนำไปคำนวณได้ตัวอย่างเช่นเงินเดือน คะแนน และยอดขาย เป็นต้นโดยข้อมูลที่เป็นตัวเลขอาจจำแนกได้ 2 รูปแบบ คือ ข้อมูลที่เป็นเลขจำนวนเต็ม Integer Number) เช่น 3, 5 และ-7 เป็นต้น และข้อมูลที่เป็นเลขทศนิยม เช่น 20.5, 125.75 และ -0.001เป็นต้น
             3.ข้อมูลรหัส (code data)  อาจเป็นตัวอักขระหรือข้อมูลเชิงจำนวนก็ได้ซึ่งมักจะมีการกำหนดขนาดความยาวไว้จำกัด เช่นรหัสที่ใช้ระบุเพศอาจเป็นตัวเลขหนึ่งตัวหรือตัวอักขระหนึ่งตัวได้แก่ 1 แทนด้วยเพศชาย และ 2 แทนด้วยเพศหญิงหรือเลขประจัวตัวนักเรียน เป็นต้นซึ่งข้อมูลรหัสนั้นไม่ได้นำไปใช้เพื่อการคำนวณแต่ใช้เพื่อการเปรียบเทียบนับหรือจัดกลุ่มข้อมูลที่มีรหัสตรงกับที่กำหนด
4.ข้อมูลวันที่ (date data)  เป็นข้อมูลซึ่งกำหนดขึ้นเป็นพิเศษเพื่อให้สามารถแสดง วัน เดือน ปี ที่กำหนดไว้เป็นมาตรฐานได้ซึ่งข้อมูลวันที่จะมีประโยชน์มากในการคำนวณอายุหรือหาช่วงเวลาระหว่างวันที่หนึ่งไปยังอีกวันที่หนึ่ง
             5.ข้อมูลภาพ (image data) เป็นข้อมูลภาพเช่น ภาพถ่าย หรือภาพที่จัดเก็บไว้ในระบบคอมพิวเตอร์เป็นข้อมูลที่แสดงความเข้มและสีของรูปภาพหรือเอกสารที่เป็นผลจากการใช้เครื่องสแกนเนอร์บันทึกข้อมูลไว้ในคอมพิวเตอร์โดยข้อมูลภาพจะมีลักษณะเป็นจุดภาพ สามารถนำมาแสดงทางจอภาพ ย่อ ขยายหรือตัดต่อได้ และมักเก็บไว้ใช้เพื่อการอ้างอิงเท่านั้น
             6.ข้อมูลภาพเคลื่อนไหว (moving data)  เป็นภาพที่เกิดจากการนำภาพนิ่งหลาย ๆภาพแสดงต่อเนื่องกันโดยเร็ว ทำให้ผู้ชมเห็นเป็นภาพเคลื่อนไหว
             7.ข้อมูลเสียง (voice data)  เป็นข้อมูลที่นิยมนำมาใช้ในงานประมวลผลภาษาธรรมชาติ ( natural language processing) ซึ่งช่วยให้คอมพิวเตอร์สามารถแยกเสียงที่ได้รับออกว่ามีความหมายอะไรเพื่อให้คอมพิวเตอร์สามารถทำงานตามที่มนุษย์บอกหรือออก






ข้อมูลค่าคงที่ (Literal)
ค่าคงที่เป็นข้อมูลที่มีค่าคงที่และถูกเขียนบรรจุลงในซอร์สโค้ดของเพื่อจุดประสงค์หลายๆอย่าง ค่าคงที่ส่วนใหญ่จะสอดคล้องกับชนิดข้อมูลคือ
  • ค่าคงที่ชนิดตัวเลขจำนวนเต็ม ใช้สำหรับกำหนดค่าเลขจำนวนเต็ม เช่น 1 46 หรือ 7048 เป็นต้นซึ่งถือเป็นข้อมูลตัวเลขฐานสิบสำหรับการกำหนดค่าตัวเลขจำนวนเต็มในภาษาจาวาสามารถกำหนดได้หลายฐานตัวเลขนอกเหนือจากฐานสิบ
เมื่อนำหน้าด้วยเลข 0 และตามหลังด้วยเลข 0 ถึง 7 หมายถึงเลขฐานแปด
เช่น 024 มีค่าเท่ากับ 248หรือ 30 ในฐานสิบ
เมื่อนำหน้าด้วยเลข 0x หรือ 0X และตามหลังด้วยเลข 0 ถึง 9 หรืออักษร a ถึง z หรืออักษร A ถึง Z หมายถึงเลขฐานสิบหก
เช่น 0x1D หรือ 0X1d มีค่าเท่ากับ 1D16 หรือ 29 ในฐานสิบ
  • ค่าคงที่ชนิดตัวเลขทศนิยม ใช้สำหรับกำหนดค่าเลขจำนวนทศนิยม เช่น 12.4, 8.0, 9.33333 หรือ 24E5 เป็นต้น ในบางกรณีค่าคงที่สามารถระบุขนาดพื้นที่ในการบันทึกค่าได้ 2 แบบคือ
    เมื่อต้องการระบุพื้นที่เป็นชนิด float ให้ใช้ตัวอักษร F หลังตัวเลขเช่น 3.0F ทำให้มีพื้นทีในการเก็บเลข 32 บิต หรือเมื่อต้องการต้องการระบุพื้นที่เป็นชนิด double ให้ใช้ตัวอักษร D หลังตัวเลข เช่น 3.0D ทำให้มีพื้นทีในการเก็บเลข 64 บิต ดังนั้นถึงแม้ว่า 3.0F และ 3.0D จะมีค่าเท่ากัน แต่ก็มีพื้นที่ในการบันทึกไม่เท่ากัน (กรณีที่ไม่ระบุ F หรือ D ค่าคงที่นั้นถือเสมือนว่าเป็น D)
  • ค่าคงที่ชนิดตัวอักษร ใช้สำหรับกำหนดค่าตัวอักษร หรือพยัญชนะหนึ่งตัว ซึ่งการกำหนดต้องอยู่ในสัญลักษณ์หยาดฝน(Single Quote) เช่น ตัวเลข '4' ตัวอักษร 'A' ตัวเลข '9' หรือตัวอักษร '+' เป็นต้น
  • ค่าคงที่ชนิดข้อความ ใช้สำหรับกำหนดค่ากลุ่มตัวอักษร ซึ่งการกำหนดต้องอยู่ในสัญลักษณ์ฟันหนู(Double Quote) เช่น "Java", "Hello! World", "How do you feel today?" เป็นต้น
  • ค่าคงที่ชนิดตรรกะ ใช้สำหรับกำหนดค่าทางตรรกะ เมื่อต้องการกำหนดค่าความเป็นจริงใช้คีย์เวิร์ด true หรือเมื่อต้องการกำหนดค่าความเป็นเท็จให้ใช้คีย์เวิร์ด false
ชนิดข้อมูล (Data Type)
ชนิดข้อมูลพื้นฐาน (Primitive Data Type) หมายถึงชนิดข้อมูลที่สามารถเก็บข้อมูลที่เป็นข้อมูลทั่วไปหรือข้อมูลพื้นฐานภาษาจาวาถูกออกแบบให้มีชนิดข้อมูลพื้นฐานเนื่องจากผู้ออกแบบต้องการให้ผู้ที่สนใจภาษาจาวาและเคยเขียนโปรแกรมมาก่อนสามารถเข้าใจภาษาจาวาได้อย่างไม่ยากเย็นนักชนิดข้อมูลพื้นฐานมี 4 ประเภทหลักๆดังนี้
  • ชนิดตัวเลขจำนวนเต็ม ใช้สำหรับเก็บข้อมูลที่เป็นเลขจำนวนเต็ม เช่น 1, 46 หรือ 7048 เป็นต้น
  • ชนิดตัวเลขทศนิยม  ใช้สำหรับเก็บข้อมูลที่เป็นเลขจำนวนทศนิยม ดังนั้นข้อมูลชนิดนี้มีความละเอียดกว่าตัวเลขจำนวนเต็มเช่น 12.4, 8.0, 9.33333 หรือ 24E5 เป็นต้น
  • ชนิดตัวอักษร ใช้สำหรับเก็บข้อมูลที่ตัวอักษร  หรือพยัญชนะหนึ่งตัวเช่นตัวอักษรเลข 4 ตัวอักษร A ตัวอักษรเลข 9 หรือตัวอักษร + เป็นต้น
  • ชนิดตรรกะ ใช้สำหรับเก็บข้อมูลที่เป็นความจริง หรือความเท็จ
คีย์เวิร์ดชนิดข้อมูล
ข้อมูล
ขนาด(บิต)
ค่าเริ่มต้น
byte
ตัวเลขจำนวนเต็ม
8
0
short
16
0
int
32
0
long
64
0
float
ตัวเลขทศนิยม
32
0.0
double
64
0.0
boolean
ข้อมูลตรรกะ
true หรือ false
false
character
ตัวอักษร
16
''

ชนิดข้อมูลอ้างถึง (Reference Data Type)
มีความแตกต่างกับชนิดข้อมูลพื้นฐานที่ว่าชนิดข้อมูลชนิดนี้อยู่ในรูปแบบหนึ่งซึ่งการเข้าถึง(ใช้งาน)ข้อมูลเป็นการอ้างถึงมากกว่าการเข้าถึงข้อมูลโดยตรงชนิดข้อมูลอ้างถึงมีดังนี้
o    คลาส (Class)
o    ออปเจ็ค (Object) หรืออินสแตนซ์(Instance)
o    แถวลำดับหรืออะเรย์ (Array)



ชนิดของข้อมูลที่ต้องการใส่ในเซลล์ของโปรแกรม Microsoft Excel
1.  ข้อมูลประเภทข้อความ (Text) หมายถึงข้อมูลที่ไม่นำมาคำนวณ อาจเป็นตัวอักษร  ตัวเลข เครื่องหมายการใส่ข้อมูลที่มีความยาวมากกว่าความกว้างของเซลล์ข้อความนั้นจะถูกแสดงต่อไปในเซลล์ที่อยู่ทางขวามือตราบใดที่เซลล์ทางขวามือนั้นยังไม่มีข้อมูล ข้อมูลชนิดนี้จะถูกจัดให้อยู่ชิดซ้ายของเซลล์เสมอ
2.  ข้อมูลประเภทตัวเลข (Numeric) ข้อมูลที่นำมาคำนวณได้ ข้อมูลจะอยู่ชิดขวา และไม่สามารถแสดงผลเกินความกว้างของเซลล์ได้ ถ้าความกว้างของเซลล์ไม่พอจะปรากฏเครื่องหมาย ####### การแก้ไขโดยขยายความกว้างของเซลล์ออกไป
3.  ข้อมูลประเภทวันที่ (Date)หมายถึงข้อมูลที่ประกอบด้วยวันที่และเดือน เดือนและปี หรือวันที่ เดือนและปี โดยเดือนสามารถกำหนดได้ทั้งแบบตัวเลข หรือตัวอักษรข้อมูลชนิดนี้นำไปคำนวณได้
 4.  ข้อมูลประเภทเวลา (Time)หมายถึงข้อมูลที่ประกอบด้วยชั่วโมงและนาที โดยมีเครื่องหมาย :ข้อมูลชนิดนี้สามารถนำไปคำนวณได้
5.    ข้อมูลประเภทสูตร (Formular)ข้อมูลประเภทนี้คือสมการคณิตศาสตร์ จะต้องใช้เครื่องหมายเท่ากับ (=) นำหน้า

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น